เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 มี.ค. ที่อาคารหอประชุมศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.(กม) เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมการพัฒนาศักยภาพพนักงานสอบสวน ประจำปีงบประมาณ 2561 โดยมี พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์  พล.ต.ต.ฉลอง ภาคย์ภิญโญ พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิ์เดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4  พร้อมพนักงานสอบสวน จำนวน 850 คน ในสังกัด บช.ภ.4 เข้าร่วมฝึกอบรมเพิ่มศักยภาพพนักงานสอบสวน ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

 

ในโอกาสนี้ พล.ต.อ.วิระชัย มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ แก่ พ.ต.ท.ทงศักดิ์ โพธิ์โหน่ง อายุ 61 ปี  อดีตรอง ผกก.สอบสวน สภ.คำชะอี จ.มุกดาหาร  และ อดีตพนักงานสอบสวน สภ.เรณูนคร จ.นครพนม เจ้าของสำนวนการสอบสวนคดีอุบัติเหตุรถยนต์ชนคนเสียชีวิตในพื้นที่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม เมื่อปี 2548 หรือ เมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ต้องหาคือ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือ ศรีบุญหอม อดีตข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร ซึ่งหลังจากได้รับการอภัยโทษ นางจอมทรัพย์ ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม จนนำมาสู่การรื้อฟื้นคดีดังกล่าว เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งการรื้อฟื้นคดีในครั้งนั้นนับว่าเป็นการสั่นคลอนกระบวนการยุติธรรมไทยเป็นอย่างมาก 

 

 

เนื่องจากผู้คนในสังคมจำนวนไม่น้อยเชื่อว่านางจอมทรัพย์ เป็นแพะรับบาปในคดีนี้ โดยบุคคลที่ถูกโจมตีและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ก็คือ พ.ต.ท.ทงศักดิ์ ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวนการสอบสวน ที่ถูกสังคมมองว่าทำสำนวนละหลวม  ทั้งการเสาะแสวงหาพยานหลักฐาน เช่น ทะเบียนรถยนต์ที่ก่อเหตุ และการบันทึกการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ เช่น ข้อถกเถียงในช่วงที่มีการรื้อฟื้นคดี ว่า พยานเห็นผู้ชายลงจากรถยนต์คันก่อเหตุ แต่ พ.ต.ท.ทงศักดิ์ กลับไม่ได้บันทึก จนทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องถูกจำคุก ซึ่งในประเด็นที่ถูกสังคมตั้งคำถาม พ.ต.ท.ทงศักดิ์ ยืนยันว่าได้สอบคำให้การพยานที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการทุกอย่างและยืนยันว่าได้อ่านคำให้การให้ผู้เข้าให้ปากคำฟังทุกครั้ง ก่อนที่จะให้เซ็นกำกับในบันทึกคำให้การ แต่ด้วยกระแสสังคมในขณะนั้นต่างเชื่อว่านางจอมทรัพย์ เป็นแพะ จึงทำให้ พ.ต.ท.ทงศักดิ์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ก่อนที่เรื่องราวทั้งหมดจะได้รับการรื้อฟื้นขึ้นมาสะสางใหม่ และจบลงด้วยศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้องรื้อฟื้นคดี ซึ่งสรุปได้ว่า พยานหลักฐานที่นางจอมทรัพย์นำมาเบิกความเป็นพยานหลักฐานเดิมที่เคยนำเข้าสู่ชั้นศาลมาแล้ว และการรื้อฟื้นคดีรถยนต์ชนคนตายในครั้งนี้ ยังนำมาสู่การเปิดโปงและเอาผิดกับขบวนการรับจ้างติดคุกแทนในเวลาต่อมา สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับพนักงานสอบสวน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

 

สำหรับ พ.ต.ท.ทงศักดิ์ ในวัย 61 ปี ปัจจุบันได้ใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุราชการเมื่อเดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมา โดยการทำไร่ เลี้ยงสัตว์อยู่กับครอบครัวที่บ้านในจังหวัด กล่าวว่า รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้บังคับบัญชามอบโล่รางวัลให้เพื่อเป็นการยกย่องในฐานะพนักงานสอบสวนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจและยึดมั่นในพยานหลักฐาน แม้ว่าในช่วงที่มีการรื้อฟื้นคดีอุบัติเหตุรถยนต์ชนคนเสียชีวิตที่มีนางจอมทรัพย์ ศรีบุญหอม หรือ แสนเมืองโคตร เป็นผู้ต้องหาและอดีตผู้ต้องโทษ ตนจะถูกกระแสสังคมโจมตีและวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง แต่ก็ไม่รู้สึกท้อ เพราะเชื่อมั่นว่าเมื่อครั้งที่ตนเป็นพนักงานสอบสวนที่ทำสำนวนคดี ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ขอฝากไปถึงพนักงานสอบสอบสวนรุ่นหลังว่า ไม่ว่าการทำคดีจะมีแรงกดดันมากแค่ไหน ก็ขอให้ยึดมั่นในพยานหลักฐาน โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ เพราะพยานบุคคลสามารถให้การกลับไปกลับมาได้ ซึ่งแตกต่างจากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์

 

ขณะที่ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา กล่าวว่า พ.ต.ท.ทงศักดิ์ โพธิ์โหน่ง อดีต รอง ผกก.สอบสวน สภ.คำชะอี จ.มุกดาหาร พนักงานสอบสวนที่สมควรได้รับการยกย่องเชิดชู ในฐานะผู้ที่เดินหน้าทำงานด้วยความซื่อสัตย์ และยึดมั่นในพยานหลักฐานเป็นสำคัญ แม้ที่ผ่านมาจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่ในท้ายที่สุดศาลฎีกาก็ได้ตัดสินยกคำร้องขอรื้อฟื้นคดีของนางจอมทรัพย์ และนำมาสู่การเปิดโปงขบวนการรับจ้างติดคุกแทน.