ชาวขอนแก่นแห่ลงทะเบียนผู้มีรายได้คึกคัก จนท.ตรวจเข้มแจ้งข้อมูลเท็จ
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 21 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันแรก (รอบที่ 2) ที่รัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยปี 2560 ทั่วประเทศ โดยเฉพาะ จ.ขอนแก่นได้มีประชาชนมาขอให้รัฐบาลช่วยเหลือในโครงการประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ณ สนง.คลังจังหวัด ,ธนาคารออมสิน, ธนาคารกรุงไทย และ ธ.ก.ส. เป็นจำนวนมาก โดยมียอดลงทะเบียนรวมทั้งหมด 452,065 คน จำนวนผู้ที่ผ่านคุณสมบัติ 355,384 คน
ที่ สนง.คลังจังหวัดขอนแก่น ได้มี น.ส.สมพร พรหมมาก ผช.คลังจังหวัดขอนแก่น มาดูความเรียบร้อย พร้อมจัดจุดบริการประชาชนที่มาขอลงทะเบียนเป็น 3 จุด คือ 1.ค้นหาเรื่องด้วยคอมพิวเตอร์ 2.ค้นหารายชื่อด้วยตนเอง 3.จุดรับบัตรสวัสดิการ แต่ละจุดมีผู้มาต่อคิวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสนง.คลังจังหวัดขอนแก่น ผู้มีรายได้น้อย ปี 2560 จำนวนผู้ที่ผ่านคุณสมบัติ 1,773 คน
สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์ทุกคนจะต้องไปลงทะเบียนใหม่ทุกราย ทั้งรายเดิมที่เคยลงทะเบียนแล้วและรายใหม่ที่ยังไม่เคยลงทะเบียน โดยต้องมีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป เป็นผู้ว่างงานหรือมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทในปี 60 ไม่มีทรัพย์สินทางการเงิน หรือไม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมาย หรือ หากมีบ้านพักอาศัยต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตร.ว. ห้องชุดไม่เกิน 35 ตร.ม. หรือมีที่ดินเพื่อการเกษตรไม่เกิน 10 ไร่ หรือที่ดินอื่นที่ไม่ใช่การเกษตร ไม่เกิน 1 ไร่ ทั้งนี้ ประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียนส่วนมากมารอลงทะเบียนตั้งแต่ช่วงเวลา 7 โมงเช้า เพื่อขอรับสวัสดิการสนับสนุน ค่าน้ำ ค่าไฟ โดยได้เตรียมเอกสารและกรอกแบบฟอร์มมาเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะยื่นลงทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่
น.ส.สมพร พรหมมาก ผช.คลังจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า วันนี้วันแรกให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ปี 2560 จ.ขอนแก่น ที่ดำเนินโครงการประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เช่นรายได้สูงกว่า 30,000 บาท ไม่เกิน 100,000 บาท/ปี จะอยู่ในวงเงินที่อยู่ในบัตร 200/เดือน ถ้ารายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท/ปี จะอยู่ในวงเงินที่อยู่ในบัตร 300 บาท/เดือน
ขณะนี้พบปัญหาหลายราย เนื่องจากตอนยื่นขอลงทะเบียนครั้งแรกไม่แจ้งข้อมูลที่เป็นจริงต่อเจ้าหน้าที่ ว่าตัวเองมีรายได้และทรัพย์สินเป็นอย่างไร เมื่อเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบและพบข้อเท็จจริง ทำให้บุคคลดังกล่าวจึงไม่ผ่านคุณสมบัติในโครงการประชารัฐสวัสดิการ ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงพบว่ามีการแจ้งเท็จมากกว่า 30 คน เพราะตรวจสอบแล้วบุคคลดังกล่าวมาแจ้งข้อมูลเท็จ
