ผู้ว่าฯขอนแก่น ห่วงเยาวชนยกคนผิดเป็นไอดอล ผู้ปกครองต้องชี้แนะ-ย้ำโทษภัยที่เกิดขึ้น   


6 มิถุนายน 60 18:15:12

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 มิ.ย.2560 ที่โรงแรมเจริญธานี ปริ๊นเซส จ.ขอนแก่น นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมประวัติศาสตร์ชาติไทยและบุญคุณของพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งสำนักงานส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย หรือ กศน. ร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน. จัดการฝึกอบรมขึ้น โดยมีข้าราชการครูในสังกัด กศน.เข้าร่วมเข้ารับการฝึกอบรมกันรวมกว่า 500 คน

ภายหลังเปิดการฝึกอบรมดังกล่าว นายพงษ์ศักดิ์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงคดีฆาตกรรม นางสาววริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ แอ๋ม ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ว่า ขณะนี้ทราบว่า ทั้งหมดถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางขอนแก่น และทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น ตามคำสั่งศาลของ จ.ขอนแก่น ซึ่งคดีที่เกิดขึ้นนั้นมีการรายงานข้อมูลของสื่อมวลชน ทั้งโทรทัศน์, หนังสือพิมพ์ และสื่อโซเชียลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นคดีที่สำคัญและเป็นที่สนใจ จนกลายเป็นกระแสสังคม ที่เรียกกันว่าเปรี้ยวฟีเวอร์ หรือการยกให้เปรี้ยวและเพื่อน เป็นเน็ตไอดอล ในประเด็นนี้ทุกคนต้องกลับมามองว่าทั้งหมดนั้นเป็นผู้ต้องหา การรายงานและการนำเสนอข้อมูลของสื่อนั้นครบถ้วน รัดกุมและครบทุกขั้นตอน ทุกคนนั้นเมื่อกระทำผิดแม้จะหลบหนีก็จะถูกเจ้าหน้าที่เร่งรัดติดตามจับกุมตัว จึงอยากประชาสัมพันธ์หรือแจ้งเตือนให้ผู้บริโภคข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ในการบริโภคข้อมูลข่าวสารให้รอบคอบรัดกุม เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนำเสนอข้อมูลตั้งแต่ต้นเหตุจนถึงปลายเหตุและทุกคนเมื่อกระทำความผิดแล้วก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างไม่ละเว้น

นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า เรายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ดังนั้นการจะห้ามเสพสื่อเกี่ยวกับคดีฆ่าหั่นศพนั้น คงเป็นไปไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรเมื่อสื่อนำเสนอข้อมูลแล้ว และวันนี้ทั้งหมดถูกคุมขังตามคำสั่งศาลเพื่อรอการพิจารณาตัดสินคดี ในประเด็นนี้ นอกจากผู้ว่าฯ จะเดินสายพบกับนักเรียนและนักศึกษา ตามสถาบันการศึกษาในทุกวันอยู่แล้วก็จะพูดถึงเรื่องนี้ เพื่อย้ำเตือนถึงโทษและภัยจากสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องแยกแยะและรับโทษที่ได้กระทำลงไป โดยมีกรณีศึกษาจากผู้ต้องหาทั้งหมด ที่เป็นเพื่อนกัน แต่ทำไมถึงร่วมกันก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผู้ว่าฯ ไม่ได้ห้ามเด็กและเยาวชนดูข่าว หรือเสพสื่อในมุมเดียว ผู้ใหญ่ต้องชี้แนะและแยกแยะเนื้อหาสำคัญให้กับเด็กๆ ได้รับทราบด้วยจากคดีที่เกิดขึ้นในบ้านของเรา

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า เมื่อดูแล้วก็ไม่ควรที่จะโพสต์ หรือส่งต่อข้อความใดๆ ต่อไป เพราะข้อมูลในคดีจากสื่อต่างๆ นั้น มีอย่างหลากหลาย ขณะที่การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เองนั้นในคดีก็จะต้องรัดกุมมากขึ้น เพราะหลังจากมีภาพต่างๆ ตามที่ปรากฏออกมา จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กัน จังหวัดได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนใส่ใจในรายละเอียดมากยิ่งขึ้น โดยยกประเด็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาเป็นกรณีศึกษาในการทำงานของข้าราชการพลเรือนทุกหน่วยงานในจังหวัด อย่างไรก็ดี ยังคงยืนยันว่ากระแสสังคมจากคดีที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลต่อการต่อยอดในด้านต่างๆ สื่อมวลชนเริ่มผ่อนคลายการนำเสนอข้อมูลลงหลังจากผู้ต้องหาเข้าสู่การพิจารณาคดีในชั้นศาลแล้ว.

 

ขอขอบคุณภาพและข่าว







เว็บโฮสติ้ง

เว็บโฮสติ้ง   Cloud Web Hosting   Streaming Server   VPS